อ่านฉลากอาหารเสริมให้เป็น! ข้อมูลสำคัญบนบรรจุภัณฑ์ที่ห้ามมองข้าม

บทเรียนจากกระแสข่าวผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐาน สู่ความสำคัญของความปลอดภัย

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สังคมไทยได้เผชิญกับกระแสข่าวที่เป็นที่กังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหาร โดยเฉพาะกรณีของขนมขบเคี้ยวบางชนิดที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าอาจไม่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อย่างถูกต้อง หรืออาจมีส่วนผสมที่ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่สร้างความตกใจให้กับประชาชนทั่วไป แต่ยังได้จุดประกายคำถามสำคัญเกี่ยวกับความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่เราบริโภคในชีวิตประจำวัน

จากบทเรียนดังกล่าว ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจสอบและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารอย่างรอบคอบ รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Dietary Supplements) ซึ่งเป็นที่นิยมและเข้าถึงได้ง่ายในปัจจุบัน หลายคนเลือกรับประทานอาหารเสริมเพื่อหวังผลในการบำรุงสุขภาพ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน หรือแก้ไขปัญหาเฉพาะจุด แต่ในขณะเดียวกัน ตลาดอาหารเสริมก็มีความหลากหลายสูง มีทั้งแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและไม่น่าเชื่อถือ และยังมีข่าวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานมาให้พบเห็นอยู่บ่อยครั้ง หากเลือกผิดพลาดผลิตภัณฑ์ที่ควรจะเป็นตัวช่วย อาจกลายเป็นสิ่งที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้

การเลือกซื้ออาหารเสริมที่เหมาะสมและปลอดภัยจึงไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม แต่เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยข้อมูลและความเข้าใจ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่เราเลือกนั้นมีคุณภาพ ปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง โดยไม่มีความเสี่ยงแอบแฝง บทความนี้จะนำเสนอเทคนิคและข้อควรพิจารณาที่สำคัญในการเลือกซื้ออาหารเสริม เพื่อให้คุณสามารถปกป้องสุขภาพของตัวเองและคนในครอบครัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ


เจาะลึกฉลาก: กุญแจสำคัญในการคัดเลือกอาหารเสริมคุณภาพ

ข้อมูลเบื้องต้นที่สำคัญที่สุดในการประเมินคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารเสริมคือ ข้อมูลที่ปรากฏอยู่บนฉลากและบรรจุภัณฑ์ การอ่านฉลากอย่างละเอียดและเข้าใจเป็นขั้นตอนแรกสุดที่คุณต้องทำก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ใดๆ ข้อมูลสำคัญที่คุณต้องมองหาและพิจารณาบนฉลากมีดังนี้:

1. หมายเลขทะเบียน อย. (เลขสารบบอาหาร)

biovitt-Collagen-Complex-5
ขอขอบคุณภาพตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ได้รับการจดทะเบียน อย. อย่างถูกต้องจากแบรนด์ biovitt

นี่คือสิ่งแรกที่คุณต้องตรวจสอบ หมายเลข 13 หลักนี้คือหลักฐานว่าผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการขึ้นทะเบียนกับ อย. ของประเทศไทยแล้ว แต่การมีเลข อย. บนฉลากเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบเลขผลิตภัณฑ์สุขภาพของสินค้านั้นๆ ได้ เพื่อให้แน่ใจว่าเลขนี้เป็นของผลิตภัณฑ์ที่คุณกำลังพิจารณาจริงๆ และไม่ได้เป็นเลขปลอมหรือสวมสิทธิ์ของผลิตภัณฑ์อื่น การตรวจสอบนี้ใช้เวลาไม่นาน แต่ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้มาก

2. วันผลิตและวันหมดอายุ (Manufacturing and Expiry Dates)

Manufacturing and Expiry Dates

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ยังคงอยู่ในช่วงที่สามารถบริโภคได้ การรับประทานอาหารเสริมที่หมดอายุอาจทำให้ได้รับสารสำคัญที่เสื่อมสภาพลงหรือไม่เต็มประสิทธิภาพ และในบางกรณีอาจก่อให้เกิดสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ตรวจสอบทั้งวันที่ผลิตและวันหมดอายุที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์อย่างชัดเจน

รูปแบบการเขียนวันหมดอายุ (EXP / BBE / BFF)

คำย่อความหมายใช้ในกรณีตัวอย่างการเขียน
EXP = Expiry Dateวันหมดอายุแน่นอนยา / อาหารที่เน่าเสียง่ายEXP 10/06/2025
BFF = Best Beforeควรบริโภคก่อนอาหารแห้ง / ขนมขบเคี้ยวBFF 06/2025
BBE = Best Before Endควรบริโภคก่อนสิ้นเดือน…อาหารแปรรูป / เครื่องปรุงBBE: 12 2025
MFG = Manufacturing Dateวันผลิตใช้คู่กับ EXP หรือ BFFMFG: 10/01/2025
Use byใช้ภายในอาหารสด เช่น นม, เนื้อสัตว์Use by: 05/07/2025

หมายเหตุ: EXP คือวันสุดท้ายที่สามารถบริโภคได้ อย่างปลอดภัย
ส่วน Best Before (BFF / BBE) คือวันก่อนที่คุณภาพจะเริ่มเสื่อม (ยังปลอดภัย แต่คุณภาพลดลง)

3. ส่วนประกอบสำคัญ (Active Ingredients) และส่วนประกอบอื่นๆ (Other Ingredients)

biovitt-Collagen-Complex-3
ขอขอบคุณภาพตัวอย่างการระบุส่วนประกอบสำคัญของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากแบรนด์ biovitt

ฉลากที่ดีต้องระบุส่วนประกอบทั้งหมดที่อยู่ในผลิตภัณฑ์อย่างครบถ้วน ทั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์หรือชื่อทั่วไปของสารสำคัญ ปริมาณของสารสำคัญต่อหนึ่งหน่วยบริโภค (เช่น ต่อแคปซูล ต่อเม็ด หรือต่อซอง) และส่วนประกอบอื่นๆ เช่น สารที่ช่วยในการผลิต (fillers, binders) หรือสารปรุงแต่ง (colouring, flavouring) การทราบข้อมูลส่วนประกอบช่วยให้คุณประเมินได้ว่าผลิตภัณฑ์นี้มีสารที่คุณต้องการจริงๆ ในปริมาณที่เหมาะสมหรือไม่ และมีส่วนประกอบที่คุณอาจแพ้หรือไม่ต้องการหรือไม่

4. คำเตือนสำหรับผู้แพ้อาหาร (Allergy Warnings)

สำหรับผู้ที่มีประวัติการแพ้อาหารบางชนิด เช่น ถั่ว นม กลูเตน สัตว์ทะเล หรือส่วนประกอบอื่นๆ ข้อมูลคำเตือนเรื่องสารก่อภูมิแพ้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ฉลากของผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจะต้องระบุคำเตือนเหล่านี้อย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยาแพ้ที่เป็นอันตราย

5. ขนาดและวิธีรับประทาน (Recommended Dosage and Usage Instructions)

ปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัดเกี่ยวกับขนาดที่แนะนำต่อวัน และวิธีรับประทาน (เช่น ควรรับประทานพร้อมอาหาร หรือก่อนนอน) การรับประทานในปริมาณที่มากเกินกว่าที่แนะนำอาจไม่ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น และอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ในทางกลับกัน การรับประทานน้อยเกินไปก็อาจทำให้ไม่ได้ผลตามที่ต้องการ

6. คำเตือนและข้อควรระวังอื่นๆ

ฉลากอาจมีคำเตือนเฉพาะสำหรับกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม เช่น สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ผู้ที่มีโรคประจำตัว (เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไต) หรือผู้ที่กำลังรับประทานยาบางชนิด บุคคลเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเริ่มรับประทานอาหารเสริมใดๆ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงหรือปฏิกิริยากับยา


ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแบรนด์และผู้ผลิต: เบื้องหลังสำคัญที่คุณควรรู้

นอกจากการอ่านฉลากแล้ว การทำความเข้าใจและตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแบรนด์และผู้ผลิตก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน แบรนด์และผู้ผลิตที่มีความรับผิดชอบมักจะให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบไปจนถึงกระบวนการผลิตและทดสอบผลิตภัณฑ์

1. โรงงานผลิตที่ได้รับมาตรฐานสากล: ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ดีควรผลิตจากโรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เช่น GMP (Good Manufacturing Practice) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ควบคุมกระบวนการผลิตให้สะอาด ปลอดภัย และได้คุณภาพสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังมีมาตรฐานอื่นๆ เช่น ISO 22000 (ระบบการจัดการความปลอดภัยอาหาร) หรือ HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Points) การที่ผู้ผลิตมีมาตรฐานเหล่านี้เป็นเครื่องบ่งชี้ว่ามีระบบการควบคุมคุณภาพที่ดีในทุกขั้นตอน

2. ความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูล: แบรนด์ที่น่าเชื่อถือมักมีความโปร่งใสในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ พวกเขาจะให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับแหล่งที่มาของวัตถุดิบ เช่น มาจากประเทศใด ปลูกหรือเก็บเกี่ยวอย่างไร รวมถึงกระบวนการผลิตที่ใช้ และที่สำคัญคือ การทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ พวกเขาควรสามารถแสดงผลการทดสอบที่ยืนยันปริมาณสารสำคัญ ความบริสุทธิ์ และการปราศจากสารปนเปื้อน (เช่น โลหะหนัก สารเคมีตกค้าง หรือเชื้อจุลินทรีย์) ข้อมูลเหล่านี้มักจะมีอยู่ในเว็บไซต์ของแบรนด์ หรือสามารถสอบถามได้โดยตรงจากผู้จำหน่าย

3. ชื่อเสียงและรีวิวจากผู้บริโภค: ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับชื่อเสียงของแบรนด์ในตลาด อ่านรีวิวจากผู้บริโภคคนอื่นๆ ในแหล่งข้อมูลที่เป็นกลางและน่าเชื่อถือ (หลีกเลี่ยงรีวิวที่อาจถูกสร้างขึ้นมาโดยผู้ขายเอง) การที่แบรนด์ได้รับการยอมรับและมีรีวิวเชิงบวกจำนวนมาก มักบ่งบอกถึงความพึงพอใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณารีวิวอย่างมีวิจารณญาณ

4. ช่องทางการจัดจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ: เลือกซื้ออาหารเสริมจากช่องทางที่เชื่อถือได้ เช่น ร้านขายยา ร้านค้าทางการของแบรนด์ หรือตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ เพื่อป้องกันการได้รับสินค้าปลอมแปลงที่อาจเป็นอันตราย และเพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ได้รับการจัดเก็บและขนส่งอย่างถูกต้อง


ความเสี่ยงของการเลือกของถูกและไม่มีการรับรอง: คุ้มจริงหรือ?

ในตลาดอาหารเสริมที่มีการแข่งขันสูง อาจมีผลิตภัณฑ์ราคาถูกจำนวนมากที่ดูน่าสนใจ แต่การตัดสินใจเลือกซื้ออาหารเสริมโดยพิจารณาจากราคาเป็นหลักเพียงอย่างเดียว โดยไม่ตรวจสอบข้อมูลด้านคุณภาพและความปลอดภัย อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงที่ร้ายแรง

ผลิตภัณฑ์ราคาถูกที่ไม่มีการรับรองที่น่าเชื่อถืออาจมีปัญหาหลายประการ เช่น:

  • ไม่ได้คุณภาพตามที่กล่าวอ้าง: อาจมีปริมาณสารสำคัญน้อยกว่าที่ระบุไว้บนฉลาก หรือไม่มีสารสำคัญอยู่เลย
  • มีการปนเปื้อน: อาจมีสารเคมีอันตราย โลหะหนัก ยา หรือสารต้องห้ามอื่นๆ ปนเปื้อนอยู่ในผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง
  • ผลิตในสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด: โรงงานที่ไม่ได้มาตรฐานอาจไม่มีการควบคุมความสะอาด ทำให้ผลิตภัณฑ์มีการปนเปื้อนจากเชื้อจุลินทรีย์หรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ
  • ไม่มีประสิทธิภาพ: แม้จะไม่เป็นอันตรายโดยตรง แต่อาจเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพและไม่สามารถให้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ทำให้เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์

สุขภาพคือการลงทุนระยะยาว การเลือกอาหารเสริมที่ดีมีคุณภาพจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบได้ แม้ว่าราคาอาจจะสูงกว่าผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีการรับรอง แต่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะคุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน และให้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการจริงๆ การประหยัดเงินเล็กน้อยด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพหรือไม่ปลอดภัย อาจนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพในระยะยาวที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลมากกว่าหลายเท่าตัว


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: เลข อย. ปลอมดูอย่างไร?
A: สามารถตรวจสอบเลข อย. บนฉลากได้โดยตรงที่เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือผ่านแอปพลิเคชันตรวจสอบของ อย. เพียงกรอกเลข 13 หลักที่อยู่บนฉลาก หากเลขที่ระบุไม่ตรงกับฐานข้อมูล ไม่พบข้อมูล หรือพบข้อมูลของผลิตภัณฑ์อื่นที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่คุณกำลังพิจารณา แสดงว่าเป็นเลขปลอมหรือสวมสิทธิ์ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์นั้นทันที

Q: อาหารเสริมต้องมีเครื่องหมาย GMP ทุกผลิตภัณฑ์หรือไม่?
A: GMP (Good Manufacturing Practice) เป็นมาตรฐานสำหรับโรงงานผู้ผลิตอาหาร ยา และอาหารเสริม เป็นการรับรองกระบวนการผลิตว่าได้มาตรฐาน มีความสะอาด ปลอดภัย และมีการควบคุมคุณภาพที่ดี ไม่ได้เป็นเครื่องหมายที่บังคับว่าต้องอยู่บนฉลากผลิตภัณฑ์อาหารเสริมทุกชนิดโดยตรง แต่การที่ผลิตภัณฑ์ผลิตจากโรงงานที่ได้รับการรับรอง GMP เป็นสิ่งสำคัญที่บ่งบอกถึงคุณภาพและความน่าเชื่อถือของแหล่งผลิต ผู้บริโภคควรมองหาข้อมูลว่าผลิตภัณฑ์นี้ผลิตโดยโรงงานที่ได้มาตรฐานใด เช่น GMP, ISO, HACCP

Q: สามารถรับประทานอาหารเสริมหลายชนิดพร้อมกันได้หรือไม่?
A: การรับประทานอาหารเสริมหลายชนิดพร้อมกันควรทำด้วยความระมัดระวังและอยู่ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ เช่น แพทย์หรือเภสัชกร เนื่องจากอาหารเสริมบางชนิดอาจมีปฏิกิริยาระหว่างกันเอง หรือมีปฏิกิริยากับยาที่คุณกำลังรับประทานอยู่ นอกจากนี้ การรับประทานหลายชนิดพร้อมกันอาจทำให้ได้รับสารบางอย่างในปริมาณที่มากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ หรือเกินปริมาณสูงสุดที่แนะนำ ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้

Q: อาหารเสริมสามารถใช้แทนยาได้หรือไม่?
A: โดยทั่วไปแล้ว อาหารเสริมไม่สามารถใช้แทนยาได้ อาหารเสริมมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ หรือสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพบางอย่างที่ร่างกายอาจได้รับไม่เพียงพอจากอาหารหลัก หรือเพื่อช่วยบำรุง เสริมสร้าง ป้องกัน ตามสรรพคุณที่ได้รับการรับรอง ไม่ได้มีฤทธิ์ในการวินิจฉัย บำบัด บรรเทา รักษา หรือป้องกันโรค เช่นเดียวกับยา การใช้ยาควรเป็นไปตามคำแนะนำและการวินิจฉัยของแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น หากคุณมีอาการป่วยหรือโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์เสมอ

Q: ควรปรึกษาใครเกี่ยวกับการเลือกอาหารเสริมที่เหมาะสมกับตัวเอง?
A: เพื่อให้ได้คำแนะนำที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับการเลือกและรับประทานอาหารเสริม คุณควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ เช่น แพทย์ เภสัชกร หรือนักโภชนาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีโรคประจำตัว กำลังรับประทานยาอยู่ กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้สามารถให้คำแนะนำตามประวัติสุขภาพ ความต้องการส่วนบุคคล และยาที่คุณใช้อยู่ เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น


หากคุณสนใจอยากสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง แต่กังวลในเรื่องของการเลือกโรงงาน ไม่รู้จะเลือกโรงงานผลิตอาหารเสริมที่ไหนดี? และต้องการผู้เชี่ยวชาญมาช่วยดูแลเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามมาตรฐาน บริษัท ไอไบโอ จำกัด (iBio Co., Ltd.) มีทีมงานที่มีประสบการณ์พร้อมให้คำปรึกษาและบริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การคิดค้นสูตร การผลิต ไปจนถึงการดำเนินการด้านเอกสาร อย. เพื่อให้แบรนด์ของคุณพร้อมเข้าสู่ตลาดได้อย่างมั่นใจและถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเรามีโรงงานที่ได้รับมาตรฐาน อย. และใบรับรอง GMP, ISO, หรือ HACCP มั่นใจได้เลยว่าผลิตภัณฑ์ของเราทุกชนิดจะปลอดภัยได้มาตรฐานอย่างแน่นอน สามารถสอบถามกับ iBio ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เราพร้อมดูแลคุณตั้งแต่เริ่มต้นให้คำปรึกษาจนจบกระบวนการ โทรเลย 02-713-8989 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงงานผลิตอาหารเสริมของ iBio ได้ที่ iBio โรงงานรับผลิตอาหารเสริมและเครื่องสำอางที่ได้รับมาตรฐานสากล

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความยอดนิยม

บทความล่าสุด