รูทเที่ยวสายลุย ชมธรรมชาติญี่ปุ่น: สัมผัสธรรมชาติงดงาม
1. โตเกียว
เริ่มต้นการผจญภัยในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เตรียมตัวเดินทางสู่ธรรมชาติ
พิกัดและแผนที่ โตเกียว
วิธีการเดินทาง
- เดินทางด้วยรถไฟ JR
- ใช้บริการรถบัสทางไกล
- เตรียมความพร้อมการเดินทาง
- แหล่งช้อปปิ้งอุปกรณ์สำหรับสายลุย

2. มัตสึโมโตะ
เมืองที่มีปราสาทเก่าแก่สวยงาม เป็นประตูสู่เส้นทางธรรมชาติในหุบเขาแอลป์ญี่ปุ่น
พิกัดและแผนที่ มัตสึโมโตะ
วิธีการเดินทาง
- นั่งรถไฟ JR Limited Express Azusa จากโตเกียวจากนั้นต่อรถบัสไปยังคามิโคจิ
- ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle)
- เดินเล่นย่านเมืองเก่านาวาเตะ (Nawate-dori)

3. คามิโคจิ
หุบเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาแอลป์ญี่ปุ่น ได้รับการขนานนามว่าเป็น “สวรรค์บนดิน” ของคนรักธรรมชาติ
พิกัดและแผนที่ คามิโคจิ
วิธีการเดินทาง
- เดินทางโดยรถบัสจากมัตสึโมโตะ หรือทาคายามะห้ามนำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไป ต้องใช้บริการรถบัสหรือแท็กซี่
- สะพานคัปปะบาชิ (Kappa Bridge)
- เส้นทางเดินป่าริมแม่น้ำอาซุสะ (Azusa River)
- สระน้ำเมียวจินอิเกะ (Myojin Pond)
- วิวเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น

4. ชิราคาวาโกะ
หมู่บ้านมรดกโลกที่มีบ้านหลังคามุงจากทรงกัสโช่ (Gassho-zukuri) ที่เป็นเอกลักษณ์ ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม
พิกัดและแผนที่ ชิราคาวาโกะ
วิธีการเดินทาง
- นั่งรถบัสจากทาคายามะ หรือคานาซาวะ
- สามารถซื้อตั๋วรถบัสล่วงหน้าได้
- จุดชมวิวชิโรยามะ (Shiroyama Viewpoint)
- สำรวจบ้านโบราณหลายหลัง
- สัมผัสบรรยากาศหมู่บ้านชนบท

5. ทาคายามะ
เมืองเล็กๆ ที่ยังคงรักษากลิ่นอายญี่ปุ่นโบราณไว้อย่างดี เป็นศูนย์กลางการเดินทางในแถบนี้
พิกัดและแผนที่ ทาคายามะ
วิธีการเดินทาง
- เดินทางโดยรถไฟ JR จากนาโกย่า หรือเดินทางโดยรถบัสจากชิราคาวาโกะ/คานาซาวะ
- สามารถเดินเที่ยวในเมืองได้สะดวก
- ย่านเมืองเก่าซันมาจิซูจิ (Sanmachi Suji)
- ตลาดเช้า (Morning Market)
- เนื้อฮิดะ (Hida Beef)

6. นาโกย่า
เมืองใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมและอุตสาหกรรม เป็นจุดสิ้นสุดการเดินทางในเส้นทางนี้
พิกัดและแผนที่ นาโกย่า
วิธีการเดินทาง
- เดินทางโดยรถไฟ JR จากทาคายามะสนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ (Centrair)
- ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle)
- ศาลเจ้าอัตสึตะ (Atsuta Jingu)
- อาหารท้องถิ่น เช่น Hitsumabushi (ข้าวหน้าปลาไหล)

คำถามยอดนิยมเรื่องการเที่ยวเส้นทางนี้
Q : ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเที่ยวเส้นทางนี้คือเมื่อไหร่?
A : ปลายเมษายนถึงกลางพฤศจิกายน เป็นช่วงที่คามิโคจิเปิดให้เข้าชม โดยช่วงยอดนิยมคือ:
ปลายเมษายน – พฤษภาคม: ชมดอกไม้ป่าและหิมะบนยอดเขา
ปลายกันยายน – ตุลาคม: ใบไม้เปลี่ยนสี สวยมาก
ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม): อากาศเย็นสบาย เหมาะกับการเดินป่า
ช่วงหน้าหนาว (พฤศจิกายน-เมษายน) คามิโคจิจะปิดถนน ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย
Q : จำเป็นต้องใช้ JR Pass สำหรับเส้นทางนี้หรือไม่?
A : ไม่จำเป็น 100% แต่ ช่วยประหยัดได้มาก หากคุณ:
เดินทางข้ามจังหวัดบ่อย เช่น จากโตเกียว > มัตสึโมโตะ > ทาคายามะ > เกียวโต
ใช้ JR Pass แบบ 7 วันให้คุ้มค่าในช่วงเดินทางไกล
แต่การเข้า-ออกคามิโคจิเอง ต้องใช้รถบัสท้องถิ่น ไม่ครอบคลุมโดย JR Pass
Q : การเดินทางในคามิโคจิทำได้อย่างไร?
A : ไม่อนุญาตให้รถส่วนตัวเข้า ต้องจอดรถที่ Hirayu Onsen หรือ Sawando Parking
ต่อรถ shuttle bus หรือ แท็กซี่ร่วม เข้าไปยัง Kamikochi Bus Terminal
ในคามิโคจิเองใช้การ เดินเท้าเท่านั้น เส้นทางเรียบ เดินง่าย วิวสวย
Q : มีที่พักแนะนำระหว่างทางไหม?
A : คามิโคจิ:
Kamikochi Imperial Hotel (หรู)
Kamikochi Lemeiesta Hotel (วิวดี อาหารอร่อย)
Nishiitoya Mountain Lodge (ประหยัด)
ทาคายามะ:
Hida Hotel Plaza
Ryokan Asunaro (เรียวกังสไตล์ญี่ปุ่น)
มัตสึโมโตะ:
Matsumoto Hotel Kagetsu
Dormy Inn Matsumoto (สะดวก ราคากลาง)
Q : เส้นทางเดินป่าในคามิโคจิยากไหม?
A : เส้นทางหลักรอบๆ แม่น้ำอาซุสะ (Azusa River) เช่นจาก Kappabashi Bridge ไป Myojin Bridge
→ ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง (ไป-กลับ)
→ เดินง่าย เรียบ เหมาะสำหรับทุกวัย
เส้นทางระดับกลาง-สูง:
เส้นทางขึ้นเขา Mt. Yake หรือ Mt. Hotaka สำหรับนักปีนเขามีประสบการณ์
สำหรับมือใหม่ แนะนำเส้นทางริมน้ำที่เรียบปลอดภัย วิวสวยมาก
วางแผนการเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นและจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และแพ็คเกจทัวร์ได้ที่Thaifly.com