Oshino-Hakkai
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า ที่เที่ยวรอบภูเขาไฟฟูจิ แน่นอนว่า หมู่บ้านโอชิโนะฮักไค ก็ตั้งอยู่บริเวณใกล้ๆกับภูเขาไฟฟูจินั่นเอง โดยรอบภูเขาไฟฟูจินั้นมีทะเลสาบถึง 5 แห่ง หมู่บ้านโอชิโนะฮักไค ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบยามานาคาโกะ(Lake Yamanakako) และทะเลสาบคาวากุจิ (Lake Kawaguchiko) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดและรองลงมาจากทะเลสาบทั้ง 5 ที่นี่ได้รับฉายาว่าเป็นหมู่บ้านน้ำไส มีบ่อน้ำแร่ในหมู่บ้านที่น้ำใสมากเพราะน้ำคือน้ำแข็งจากยอดภูเขาไฟฟูจิที่ละลายและไหลลงมาผ่านถ่านหิน ผ่านตัวกรองหลายชั้น ทำให้น้ำในบ่อนี้เป็นน้ำที่อุดมไปด้วยแร่ต่างๆ จึงถูกจัดให้เป็นน้ำแร่ที่ดีที่สุด 1 ใน 100 ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว ภายในหมู่บ้านมีบ่อน้ำแร่ถึง 8 บ่อ ตอนที่ไปถึงก็จะมีบรรยายเรื่องราวให้ฟัง และนอกจากความสวยงามภายในหมู่บ้านที่คนญี่ปุ่นใส่ใจในรายระเอียดต่างๆในการดูแล ไม่ว่าจะเป็นการตัดแต่งต้นไม้ ที่เหมือนกับตั้งใจสอดแทรกศิลปะเข้าไป การออกแบบบ้านหรือร้านค้าก็ดูเข้ากันกับธรรมชาติ ไม่มีอุจาดทัศนะให้ได้เห็นเลย นอกจากนี้ก็ยังมีร้านขายของฝากให้บริการอีกด้วย
ทะเลสาบคาวากุจิ (Lake Kawaguchiko)
เป็นทะเลสายที่ใหญ่อันดับสองจากทะเลสาบทั้ง 5 ใกล้กับหมู่บ้านโอชิโนะฮักไค เป็นหนึ่งในที่เที่ยวรอบภูเขาไฟฟูจิ และสามารถเดินทางไปได้ง่ายที่สุด เพราะเดินทางไปฟูจิก็จะถึงที่ทะเลสาบคาวากุจิก่อนเป็นที่แรก เรียกว่าเป็นประตูไปสู่ฟูจิก็ว่าได้ ที่นี่มีความงดงามที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดู ไม่ว่าคุณจะมาเที่ยวช่วงฤดูไหนก็จะได้เห็นความสวยงามของทะเลสาบคาวากุจิแน่นอน ทุกๆฤดูจะมีดอกไม้และใบไม้ที่ผลิดอกและเปลี่ยนสี นอกจากความสวยงามนี้แล้วอากาศก็ยังเย็นตลอดทั้งปีเหมาะกับการปั่นจักรยานชมวิวรอบทะเลสาบอย่างมาก แต่ถ้าหากใครที่ไม่ชอบปั่นจักรยานก็สามารถนั่งรถบัสชมบริเวรโดยรอบได้ และที่นี่ก็ยังมีที่พักให้เลือกหลายระดับ เรียกได้ว่า บริการทุกระดับประทับใจ เพราะมีตั้งแต่ราคาประหยัดไปจนถึงเรียวกัง ดั้งเดิมแบบญี่ปุ่นแท้ไว้ให้เลือกใช้บริการ
สวนสาธารณะโออิชิ (oishi park)
สวนดอกไม้ที่เป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิ ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบคาวากุจิ (Lake Kawaguchiko) ตลอดทางเดินยาว 350 เมตร เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธ์มากกว่า 90 ชนิด สีสันของดอกไม้ตัดกับสีของท้องฟ้า เป็นภาพที่สวยงาม ตราตรึงใจอย่างที่สุด และที่นี่จะมีการจัดเทศกาลดอกไม้ประจำฤดูร้อนด้วย เข้าชมฟรีตลอดทั้งปี
เจดีย์แดงชูเรโตะ (Chureito Pagoda)
อีกหนึ่งจุดชมวิวภูเขาฟูจิ ที่งดงามอย่างยิ่ง เจดีย์สีแดงออกแบบสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ตั้งตระหง่านคู่กับภูเขาไฟฟูจิและแนวต้นดอกซากุระที่เป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น ถ้าใครได้ภาพถ่ายจากมุมนี้ไป เห็นแค่หางตาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นญี่ปุ่น เจดีย์สีแดงนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสาวรีย์วีรชน ตั้งอยู่ในตอนกลางระหว่างภูเขาอาราคุระยามะ (Arakurayama) บริเวณโดยรอบคือสวนอาราคุระยามะเซ็นเก็ง (Arakurayama Sengen Park) ความสวยงามของบรรยากาศรอบๆ เจดีย์ก็จะเปลี่ยนไปตามฤดูทั้งสี่ของญี่ปุ่น สามารถเดินเล่นชมศาลเจ้าได้
ทะเลสาบอะชิ (Lake Ashi)
หรือในชื่อเรียกอื่นๆ เช่น ทะเลสาบฮาโกเน่ ทะเลสาบอะชิโนะโกะ เป็นทะเลสาบปล่องภูเขาไฟที่มีทิวทัศน์งดงาม สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน ตั้งอยู่ที่เมืองฮาโกเน่ จังหวัดคานากาว่า ประเทศญี่ปุ่นนอกจากชื่อเสียงในเรื่องจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิ บริเวณรอบๆทะเลสาบอะชิยังเต็มไปด้วยรีสอร์ทที่มีบ่อน้ำพุร้อนจำนวนมาก และมีจุดเด่นคือการล่องเรือชมวิวข้ามทะเลสาบด้วยเรือแบบโจรสลัดตะวันตก คุณควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง เพื่อให้มีโอกาสสัมผัสทัศนียภาพที่ดีที่สุดเมื่อไปเที่ยวชม ถือเป็นอีกหนึ่งในที่เที่ยวรอบภูเขาไฟฟูจิ
ศาลเจ้าฮาโกเน่
เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ในศาสนาชินโต ตั้งอยู่บริเวณตีนเขาฮาโกเน่ และอยู่ริมทะเลสาบอะชิ จังหวัดคานากาว่า ประเทศญี่ปุ่น ศาลเจ้าแห่งนี้โดดเด่นด้วยบรรยากาศที่ตั้งอยู่ในภูเขา มีโคมไฟสีแดงจำนวนมากเรียงรายอยู่ระหว่างทางเดิน และยิ่งดูขึมขลังมากยิ่งขึ้นในวันที่มีหมอกปกคลุมไปทั่วทุกบริเวณ มีตำนานเล่าว่าชาวบ้านในบริเวณฮาโกเน่ต่างต้องทนทุกข์กับภัยพิบัติขนาดใหญ่ทุกปี ซึ่งเชื่อกันว่าเกิดจากมังกร 9 หัวที่อาศัยอยู่ในก้นทะเลสาบอะชิ จนทำให้ต้องมีการบูชายัญมังกรด้วยชีวิตของเด็กทารกปีละ 1 คนมาตลอด กระทั่งในปีค.ศ. 1667 มีนักบวชรูปหนึ่งเดินแสวงบุญผ่านมาบริเวณนี้ จึงได้ช่วยชาวบ้านสะกดวิญญาณของมังกร 9 หัวเอาไว้ในทะเลสาบ และย้ายที่ตั้งของศาลเจ้าจากบนยอดเขา ลงมาที่บริเวณริมทะเลสาบอะชิจนถึงทุกวันนี้ บริเวณเสาโทริอิซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ในช่วงน้ำลด นักท่องเที่ยวสามารถเดินไปยืนถ่ายรูปที่เสาได้เลย แต่ทั้งนี้ต้องมีความระมัดระวัง และรักษาความเหมาะสมด้วยทุกครั้ง
Fuji-Q Highland
หากเจาะจงว่า สวนสนุกที่หวาดเสียวที่สุดในญี่ปุ่น เชื่อเลยว่า Fuji-Q Highland โผล่มาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งครองใจสายหวาดเสียวและสายหลอนมานักต่อนัก ภายในสวนสนุกฟูจิคิวไฮแลนด์ มีเครื่องเล่นเยอะแยะมากมาย ประสบการณ์ที่จะได้รับจากที่นี่แบ่งเป็น 2 แบบหลักๆ “ประสบการณ์หวาดเสียว” และ “ประสบการณ์ชวนขนหัวลุก” จะรู้ว่าเป็นยังไง คงต้องสำรวจทีละเครื่องเล่นไป เราขอเริ่มกันที่ฝั่งประสบการณ์หวาดเสียว กันก่อน คือ รถไฟเหาะที่เร็วที่สุดและสูงที่สุดในโลกที่ความสูง 79 เมตร แม้จะมีเครื่องเล่นใหม่ๆ มาประจำการ แต่ทุกวันนี้มันก็ยังได้รับความนิยมอยู่ อย่างน้อยด้วยความเร็วกว่า 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและจุดโหม่งโลกสูงสุดที่ 70 เมตร และอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ไม่ว่าจะสวนสนุกที่ไหนก็ต้องมี ความหลอนนั่นเอง โรงพยาบาลผีสิง (Horror Labyrinth) คือบ้านผีสิงที่ใหญ่และเฮี้ยนที่สุดในญี่ปุ่นหรืออาจจะที่สุดในโลก เป็นที่รู้กันดีในหมู่ผู้กล้าท้าลองชาวญี่ปุ่นทั้งเด็กวัยรุ่นและรุ่นใหญ่ สภาพภายใน ออกแบบเป็นลักษณะเขาวงกต คดเคี้ยว ซับซ้อนไปมา จงเตรียมใจสำหรับเสียงกรีดร้องอย่างขนหัวลุก เสียงโหยหวนหลอกหลอนตลอดทาง กับดักหลุมพลางมากมาย หรือการโจมตีคุณอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว และความมืดมิดสนิทที่ล้วนออกแบบมาให้คุณต่อสู้กับความกลัวในใจคุณเอง ผู้เล่นต้องใช้เวลาอย่างน้อย 45-60 นาทีในการเดิน ระยะทางทั้งหมด 1 กิโลเมตร แต่ถ้าคุณไม่ไหวยอมแพ้ก็สามารถขอออกได้ โดยจะมีประตูบานสีชมพูเขียนว่า “ถอนตัวออก” ซึ่งเป็นที่เที่ยวญี่ปุ่น ที่น่าสนใจ
